28 มี.ค. 2565

มะเร็งเต้านม อาการเป็นอย่างไร เช็กได้ด้วยตัวเอง

 มะเร็งเต้านม หรือ Breast cancer เป็นโรคมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 1 ในหญิงไทย วันนี้เราไปรู้จักโรคมะเร็งเต้านมกัน



ปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจากข้อมูลปี พ.ศ. 2563 พบหญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมรายใหม่ ประมาณ 18,000 คนต่อปี หรือคิดเป็น 49 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมราว 4,800 คน หรือคิดเป็น 13 คนต่อวัน ถือเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงไทย ดังนั้นสาธารณสุขจึงมีความตื่นตัวในการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้หญิงตรวจหาสิ่งผิดปกติที่เต้านมกันมากขึ้น เพราะหากพบเร็วก็สามารถรักษาให้หายขาดได้เร็ว


มะเร็งเต้านม สาเหตุเกิดจากอะไร


          เดิมเชื่อกันว่าสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งเต้านมมาจากพันธุกรรม แต่ปัจจุบันพบว่า ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมจากพันธุกรรมมีเพียง 4-6% เท่านั้น ดังนั้นจึงมีสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งก็คล้ายกับสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งชนิดอื่น ๆ คือ เกิดจากการทำปฏิกิริยา Oxidation ของเซลล์ต่าง ๆ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ขึ้น และเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมขึ้นที่ DNA ของเซลล์ ทำให้เซลล์ในอวัยวะนั้น ๆ มีการทำงานที่ผิดปกติ ทำให้เกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้


          นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง กินเนื้อแดง ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกำลังกาย รวมทั้งเรื่องฮอร์โมนเพศหญิง


มะเร็งเต้านม ใครเสี่ยง ?

          - ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

          - ผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าสองเท่า รวมทั้งผู้ป่วยที่เคยเป็นมะเร็งเต้านม ก็มีอัตราเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นใหม่สูงกว่าคนปกติ

          -  ผู้หญิงที่มีเต้านมใหญ่ หรือมีเต้านมที่เต่งตึงกว่าอายุ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงที่มีเต้านมเล็ก

          - ผู้หญิงที่ไม่มีลูก หรือมีลูกคนแรกหลังอายุ 30 ปีขึ้นไป

          - ผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิดต่อเนื่องนาน 10 ปีขึ้นไป หรือใช้ยาคุมกำเนิดตั้งแต่อายุน้อย ๆ

          - ผู้ที่มีระดับฮอร์โมนเพศเอสโตรเจนสูงกว่าปกติ

          - ผู้หญิงที่มีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย (ก่อน 12 ปี) หรือประจำเดือนหมดช้า หลังอายุ 55 ปี

          - ผู้ที่อยู่ในมลภาวะที่เป็นพิษ เนื่องจากนาน ๆ เข้าอาจเกิดการสะสมของความผิดปกติของเซลล์ได้

          - ผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน

          - ผู้ที่สูบบุหรี่มากกว่าวันละ 2 ซอง

          - ผู้หญิงที่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน ในสตรีวัยหมดประจำเดือน

          - ผู้ที่มีความเครียดสูง

          ทั้งนี้ มะเร็งเต้านม พบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่พบในผู้ชายในอัตราที่น้อยมาก


อาการของมะเร็งเต้านม

          ผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมในระยะแรกจะไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ จนเมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้นอย่างรวดเร็วจะเกิดอาการ คือ

          - คลำพบก้อนที่เต้านม หรือใต้รักแร้ โดยร้อยละ 15-20 ของก้อนที่คลำได้บริเวณเต้านม คือ มะเร็งเต้านม        

          - เต้านมมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่าง

          - มีน้ำหรือเลือดไหลออกมาจากหัวนม โดยร้อยละ 20 ของการมีเลือดออกที่เต้านมจะเป็นมะเร็งเต้านม

          - รู้สึกเจ็บ และหัวนมถูกดึงรั้งเข้าไปในเต้านม

          - ผิวที่เต้านมจะมีลักษณะเหมือนเปลือกส้ม อาจมีรอยบุ๋ม ย่น หดตัว หนาผิดปกติ แดงผิดปกติ บางส่วนอาจมีสะเก็ด

          - รักแร้บวม เพราะต่อมน้ำเหลืองโต


          หากใครพบอาการเหล่านี้ คุณอาจเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งเต้านม ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

มะเร็งเต้านมระยะต่าง ๆ

          มะเร็งเต้านม แบ่งออกเป็น 4 ระยะคือ

          อาการมะเร็งเต้านมระยะที่ 1

          มะเร็งเต้านมระยะที่ 1 นับเป็นอาการมะเร็งเต้านมในระยะก่อนลุกลาม ก้อนมะเร็งจะมีขนาดเล็กกว่า 2 เซนติเมตร และยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้

          อาการมะเร็งเต้านมในระยะที่ 2

          ก้อนมะเร็งมีขนาดระหว่าง 2-5 เซนติเมตร และ/หรือมีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ข้างเดียวกัน

          อาการมะเร็งเต้านมระยะที่ 3

          ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร และมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ข้างเดียวกันอย่างลุกลาม จนทำให้ก้อนน้ำเหลืองที่ถูกเซลล์มะเร็งกินรวมตัวติดกันเป็นก้อนใหญ่ หรือติดแน่นกับอวัยวะข้างเคียง

          อาการมะเร็งเต้านมระยะที่ 4

          ระยะนี้จะพบว่าก้อนมะเร็งมีขนาดโตเท่าไรก็ได้ แต่จุดสังเกตอยู่ที่การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งจะลุกลามไปยังอวัยวะส่วน อื่น ๆ เช่น กระดูก ปอด ตับ หรือสมอง เป็นต้น



การตรวจเต้านม เพื่อตรวจสอบมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง

          ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ควรเริ่มตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพื่อหามะเร็งเต้านม โดยควรทำทุกเดือน ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยสูงอายุ ทั้งนี้เวลาที่ดีที่สุดในการตรวจหามะเร็งเต้านมคือ หลังหมดประจำเดือนแล้ว 7-10 วัน เนื่องจากช่วงนั้นเต้านมจะไม่คัดตึงจึงตรวจพบได้ง่าย โดยวิธีการตรวจมะเร็งเต้านม ต้องบิดลำตัวไปทั้งทางซ้ายและขวา สังเกตรูปร่าง ลักษณะ ความผิดปกติของผิวหนัง รอยบุ๋ม รอยนูน หรือความผิดปกติอื่น ๆ ของเต้านม โดยมีท่าคือ

1. ยืนหน้ากระจก

          - ให้ปล่อยแขนไว้ข้างลำตัว ยืนตามสบาย

          - ยกแขนทั้ง 2 ข้าง ประสานกันเหนือศีรษะ เพื่อเปรียบเทียบขนาดของเต้านมทั้งสองข้าง ว่ามีการบิดเบี้ยวหรือไม่ ผิวเรียบ มีรอยบุ๋มหรือไม่

         - ยืนเท้าเอว เกร็งอก ให้ผนังทรวงอกกระชับขึ้น

          - โค้งตัวมาข้างหน้า ใช้มือบีบหัวนมว่ามีสิ่งผิดปกติไหลออกมาหรือไม่

2. นอนราบ

          - นอนให้สบาย ตรวจเต้านมด้านขวา โดยสอดหมอนหรือม้วนผ้าไว้ใต้ไหล่ขวา เพื่อตรวจเต้านม

          - ยกแขนขวาเหนือศีรษะ เพื่อให้เต้านมด้านแบนราบจะทำให้คลำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเต้านมส่วนบนด้านนอก ที่มีเนื้อหนามากที่สุด และมีการเกิดมะเร็งบ่อยที่สุด


          - ใช้กึ่งกลางตอนบนของนิ้วมือซ้าย คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง คลำทั่วเต้านมและรักแร้ ห้ามบีบเนื้อเต้านม เพราะจะทำให้รู้สึกเหมือนเจอก้อนเนื้อซึ่งความจริงไม่ใช่ การคลำให้คลำจากรอบหัวนม และขยายวงจนทั่วเต้านม ถ้าเจอก้อนถือว่าผิดปกติ

          - ทำวิธีเดียวกันนี้กับเต้านมด้านซ้าย

3. ขณะอาบน้ำ

          - ผู้หญิงที่มีเต้านมเล็กให้วางมือข้างเดียวกับเต้านมที่ต้องการตรวจบนศีรษะ แล้วใช้นิ้วมืออีกข้างคลำไปทิศทางเดียวกับที่ใช้ในท่านอน

          - สำหรับผู้ที่มีเต้านมขนาดใหญ่ ให้ใช้นิ้วมือข้างนั้นประคอง และตรวจคลำเต้านมจากด้านล่าง ส่วนมืออีกข้างให้ตรวจคลำเต้านมด้านบน


การป้องกันโรคมะเร็งเต้านม

          ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันมะเร็งเต้านมอย่างแน่นอน แต่มีหลายปัจจัยที่จะช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม ได้ คือ

          - การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรรับการตรวจแมมโมแกรม และอัลตราซาวด์เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ การตรวจแมมโมแกรมเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะค้นพบมะเร็งในระยะเริ่มแรก จึงควรตรวจทุก 1-2 ปี สำหรับผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปี สำหรับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่านี้ หรือมีปัจจัยเสี่ยงควรปรึกษาแพทย์ว่าจะตรวจบ่อยแค่ไหน

          - หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม ลงได้ถึง 60%

          - พยายามรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสม่ำเสมอ เพราะจากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ได้รับแสงแดดอ่อน ๆ สม่ำเสมอ มีแนวโน้มเป็นมะเร็งเต้านมน้อยลงถึง 40%

          - งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

          - นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

          - ควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วนมากเกินไป

          - ลดการรับประทานเนื้อแดง อาหารมัน เกลือ

          - รับประทานผัก ผลไม้ เป็นประจำ



          อย่าเพิ่งตกใจไปหากใครพบก้อนเนื้อที่หน้าอก เพราะนั่นอาจไม่ใช่มะเร็ง ขอให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด เพราะหากก้อนเนื้อนั้นคือมะเร็ง ยิ่งพบไวก็ยิ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้มากขึ้นนะคะ