ทำไมมะเร็งปากมดลูกควรป้องกันตั้งแต่เด็ก
- มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบมากในหญิงไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม เกิดจากเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) จะติดต่อได้ทางการมีเพศสัมพันธ์ การป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV จึงเป็นแนวทางการป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
- วัคซีน HPV คือ วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดมะเร็งปากมดลูก เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส HPV ทำให้เซลล์ปากมดลูกอักเสบเรื้อรังและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้ และวัคซีนชนิดนี้ยังป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนักในเด็กผู้ชายได้อีกด้วย สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี จนถึงอายุ 26 ปี
- ควรฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่เด็กเพราะ วัคซีนชนิดนี้ควรฉีดก่อนมีเพศสัมพันธ์จะมีประสิทธิภาพการป้องกันได้ดีที่สุด หากเคยมีเพศสัมพันธ์แล้วประสิทธิภาพจะไม่ดีเท่าผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และควรฉีดในวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้สูง 70-90% แม้จะใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ และยังคงต้องมีการตรวจคัดกรองอยู่
- ความแตกต่างของวัคซีน HPV ชนิด 4 และ 9 สายพันธ์ คือ วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธ์ จะเหมาะกับการฉีดให้ผู้ที่มีอายุ 9 ปี ถึง 26 ปี สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก หูดหงอนไก่ ภาวะก่อนมะเร็ง หรือภาวะเซลล์ผิดปกติ ส่วนวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธ์ จะเหมาะกับการฉีดให้ผู้ที่มีอายุ 9 ปี ถึง 45 ปี สามารถป้องกันโรคได้มากขึ้นกว่าเดิม ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งคอหอยหลังช่องปาก และมะเร็งทางศีรษะเเละลำคอ หูดหงอนไก่ ภาวะก่อนมะเร็ง หรือภาวะเซลล์ผิดปกติ
- วัคซีน HPV ห้ามฉีดให้กับผู้ที่มีภาวะภูมิไวเกิน และผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงต่อยีสต์ คนที่เคยฉัดวัคซีนชนิด 2 และ 4 สายพันธุ์ไปแล้ว สามารถฉีดวัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์ เพิ่มอีกได้
- ต้นเหตุคือไวรัส วัคซีนจึงป้องกันได้ ดังนั้นผู้ปกครองควรพาเด็กๆ มาฉีดวัคซีน HPV โดยด่วนนะคะ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในวัยที่ยังสร้างได้ และเพื่อป้องกันโรคร้ายให้กับคนที่คุณรัก หรือท่านใดที่สนใจสามารถเข้ามาฉีดที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทราได้เลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : rpchospital.com