8 ต.ค. 2564

7+1 เทคนิค ขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย


1. เปิดที่ปัดน้ำฝน

เมื่อฝนตก แน่นอนว่าเราคงต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนเพื่อไล่น้ำฝนที่เกาะอยู่บนกระจกหน้ารถออกไป ให้สามารถมองเห็นถนนหนทางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งเราควรปรับระดับความเร็วของที่ปัดน้ำฝนให้เหมาะสม และใช้น้ำฉีดกระจกไปด้วยบางครั้ง เพื่อช่วยล้างคราบสกปรกที่ติดอยู่นกระจกนั่นเอง


2. เปิดไฟหน้ารถ

ช่วงที่ฝนตกนั้น ท้องฟ้ามักมืดครึ้มจนแทบเหมือนช่วงกลางคืน ยิ่งถ้าฝนตกหนักๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ทัศนวิสัยในการมองแย่ลงไปอีก ทางที่ดีควรเปิดไฟหน้ารถไปด้วย จะช่วยให้รถยนต์คันอื่นมองเห็นรถเราได้ชัดเจนและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ


3. ลดความเร็ว

ในช่วงฝนตก เป็นช่วงเวลาที่ถนนลื่นที่สุด ดังนั้นเราควรใช้ความเร็วที่ประมาณ 60 กม./ชม. รวมถึงควรเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น ขับรถในเมืองไม่เกิน 80 กม./ชม. ขับรถนอกเมือง ไม่เกิน 90 กม./ชม. ขับรถบนทางด่วน ไม่เกิน 110 กม./ชม. และขับรถบนมอเตอร์เวย์ ไม่เกิน 120 กม./ชม. เป็นต้น ซึ่งหากฝ่าฝืน จะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท นอกจากนี้หากขับรถเร็วขณะที่ฝนตก ถนนลื่น มีความเสี่ยงที่รถยนต์จะเหินน้ำ และเสียการควบคุมได้


4. ไม่ควรเบรกทันที

เพราะว่าฝนตกทำให้ถนนลื่นมากกว่าปกติ ดังนั้นเวลาขับรถควรต้องระมัดระวังอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาเบรก ไม่ควรเบรกกะทันหัน เพราะจะทำให้รถปัด รถหมุน และมีสิทธิ์รถคว่ำได้ จึงควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ และค่อยๆ เหยียบเบรกจะดีที่สุด


5. ไม่ขับชิดคันหน้า

เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยในช่วงที่ฝนตก ควรเว้นระยะห่างระหว่างรถประมาณ 10-15 เมตร ไม่ขับชิดคันหน้าจนเกินไป เพราะหากคันหน้าเบรกกะทันหัน อาจทำให้เบรกไม่ทันได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการแซง หรือการปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ


6. หลีกเลี่ยงจุดที่มีน้ำขัง

ในช่วงหน้าฝนอาจมีบางพื้นที่ที่มีน้ำขัง อย่างไรแล้วแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการขับรถในบริเวณดังกล่าว เพราะถนนอาจเป็นหลุมเป็นบ่อ หากขับลุยไปรถอาจตกหลุมหรือแอ่งน้ำจนเกิดความเสียหายได้


7. ปิดแอร์ ใช้เกียร์ต่ำ เมื่อต้องขับลุยน้ำท่วม

แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการขับรถในพื้นที่ที่มีน้ำขังหรือที่ที่มีน้ำท่วมได้ แนะนำให้รีบปิดแอร์ทันที เพราะหากเปิดแอร์ขณะลุยน้ำท่วม พัดลมจะพัดเอาน้ำเข้ามาในห้องเครื่องจนก่อให้เกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ควรใช้เกียร์ต่ำ ค่อยๆ ขับลุยน้ำท่วมไปจนกว่าจะพ้น แต่หากระดับน้ำสูงกว่าขอบประตู ไม่ควรฝืนขับไปและหาทางวกกลับทางเดิมจะดีที่สุด



8. ก่อนขับรถทุกครั้งก็ควรหมั่นเช็กรถยนต์ให้พร้อมใช้งานเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ยางรถยนต์ ควรหมั่นเช็กลมยางอยู่เสมอ เติมลมยางให้มีแรงดันมากกว่าลมปกติ 2-3 ปอนด์ และเปลี่ยนยางเมื่อถึงระยะทางที่กำหนด เช็กผ้าเบรกว่ายังสามารถเบรกได้ดี เช็กระบบไฟต่างๆ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ว่าใช้งานได้ปกติ รวมถึงเช็กใบปัดน้ำฝนว่าปัดกระจกได้สะอาดดี ไม่มีรอยฝ้าหรือรอยขูดขีดบนกระจก และเตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดฝ้าที่ติดอยู่กระจกภายในรถ รวมถึงหมั่นเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำอยู่เสมอ